การเกิดขึ้นของเรื่องราวที่ไม่คาดคิด

ฉันเคยชอบเครื่องเล่นรถไฟเหาะมาก การรอคอยตอนที่ค่อย ๆ ไต่ขึ้นไปทีละนิด สูงขึ้น สูงขึ้น และทันใดนั้นก็ร่วงลงมาและตีลังกาหมุนไป ด้วยความเร็วยิ่งขึ้นและยิ่งขึ้น ในนาทีเดียวกันคุณตื่นตกใจและต่อมากลับหัวเราะออกมาสองมือชูขึ้นสูงในอากาศ แต่เมื่ออายุมากขึ้นเท่าไร ฉันกลับต้องการให้ความมั่นคง ความคาดหวังที่ตั้งไว้ หนทางที่ชัดเจนอยู่ตรงหน้าฉัน เพื่อที่ฉันจะสามารถมองเห็นว่าฉันกำลังมุ่งตรงไปที่ไหนและรู้ว่าค้ำยันตัวเองผ่านเส้นทางโค้งลดเลี้ยวอย่างไร

หลายสัปดาห์ก่อนชีวิตของฉันก็มั่นคงดี มันไม่มีอะไร จนเมื่อฉันพบว่าตัวเองต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่คาดฝัน อารมณ์ปั่นป่วนเหมือนรถไฟเหาะที่ฉันไม่ต้องการ และฉันกรีดร้องอยู่ข้างในว่า “ฉันอยากจะออกไปจากที่นี่ เดี๋ยวนี้!”

เป็นเวลาหลายเดือนมาแล้ว ฉันและเพื่อนสนิทที่สุดของฉันกำลังวางแผนที่จะไปเที่ยวให้ทั่วยุโรป พวกเราตื่นเต้นกันมาก และแล้ววันที่เราจะบินไปเที่ยวด้วยกันก็มาถึง ฉันจำได้ว่าได้ยินเสียงผู้ชายที่นั่งข้างหลังฉันไอตลอดทั้งคืน อาการของเขาดูแย่มาก และฉันก็ตื่นตระหนกมาก ๆ มีข่าวเกี่ยวกับโรคระบาดโควิด 19 ตอนนั้นว่ามันเพิ่งจะเริ่มแพร่ระบาดไปทั่วประเทศจีน ฉันจึงแน่ใจว่าฉันทำความสะอาดฆ่าเชื้อที่นั่งและล้างมือของฉันอยู่ตลอด

อากาศหนาวเย็นและฝนก็ตกฉันจึงไม่ได้กังวลกับอาการคัดจมูกและเจ็บคอของตัวเอง บางทีอาจจะเป็นเพราะฉันไม่อยากจะยอมรับมัน จนถึงวันที่ห้าของการเดินทาง ฉันก็ไม่สามารถปฏิเสธอาการของตัวเองได้ ฉันกำลังป่วยจริง ๆ

ความคิดขบขันที่ไม่น่าสบายใจและการมองว่าการระวังเกี่ยวกับโคโรน่าไวรัสเป็นเรื่องตลก มันดูเหมือนเป็นแค่อาการไซนัสธรรมดา ๆ สำหรับฉัน ดังนั้นฉันก็เหมือนอีกคนมากมายที่ไม่ได้ใส่ใจกับการแพร่ระบาดของโรค ฉันยังคงทำธุระต่าง ๆ ต่อไป ฉันอยากจะไปเที่ยวชมทุกที่ที่ฉันวางแผนไว้ว่าจะไป และฉันก็อยากจะใช้เวลาอย่างมีความสุขกับเพื่อนของฉันอย่างเต็มที่

หลายวันต่อมาพวกเราโทรไปที่สายด่วน โควิด-19 ที่ประเทศไอร์แลนด์ เจ้าหน้าที่บอกว่าอาการของฉันนั้นไม่เข้าข่ายที่จะต้องได้รับการตรวจ ถึงจุดนั้นคนอื่นในกลุ่มของเราก็เริ่มแสดงอาการเช่นกัน ตอนนั้นพวกเราเพิ่งจะเดินทางกันได้แค่ครึ่งเดียวของทริปที่วางไว้

เช้าตรู่วันถัดมา ฉันตื่นขึ้นเพราะข้อความมากมายจากเพื่อน ๆ ที่ส่งมาบอกฉันว่า ประธานาธิบดีเพิ่งประกาศห้ามคนที่เดินทางมาจากยุโรปเข้าประเทศ มีผลทันทีใน 48 ชั่วโมง นี่คือตอนที่ฉันรู้สึกเหมือนอยู่บนรถไฟเหาะ สารอะดีนาลีนของฉันและเพื่อนพุ่งสูงทะลุเพดาน ฉันเริ่มจองตั๋วเครื่องบินด่วนเพื่อกลับประเทศสหรัฐอเมริกา พวกเรารีบเก็บของและไปที่สนามบิน โดยไม่อาจรู้ได้เลยว่าอะไรจะรอเราอยู่ที่นั่น

สิ่งที่แย่ที่สุด คือ การที่ฉันต้องกลับบ้านเร็วกว่าที่คิดไว้และผิดหวังสุด ๆ เพราะทริปการท่องเที่ยวของพวกเราต้องจบลง แต่ว่าส่วนที่เลวร้ายที่สุดของการนั่งรถไฟเหาะนั้นยังมาไม่ถึง และฉันยังไม่รู้ว่ามีอะไรรออยู่ที่หัวมุมของเส้นทางรถไฟเหาะนี้

มีข่าวว่าไวรัสโคโรน่าแพร่กระจายไปเร็วและรุนแรงมาก องค์กรอนามัยโลกออกมาประกาศว่ามันคือ การแพร่ระบาดระดับโลก และจำนวนผู้ป่วยในสหรัฐอเมริกาก็พุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ฉันร้องไห้เมื่อรู้ว่าตัวเองทำให้เพื่อนร่วมห้องของฉันต้องไปกักตัว 14 วัน ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าการเดินทางและการป่วยไข้ของฉันจะกระทบกับคนอื่น สิ่งที่แย่ที่สุด คือฉันเริ่มรู้สึกหายใจได้สั้นลงและไอหนักขึ้น เหมือนอาการของโรคโควิด 19 แต่มันไม่ได้จบแค่นั้น

ฉันใช้เวลาหลายชั่วโมงโทรศัพท์ พยายามที่จะหาและจองชุดตรวจทดสอบโควิด เมื่อในที่สุดหมอของฉันก็สั่งให้ฉันได้ชุดหนึ่ง ฉันใช้เวลาหลายชั่วโมงแยกตัวอยู่ในห้องฉุกเฉินเพื่อเก็บตัวอย่างน้ำมูก เอกซเรย์ และตรวจด้วยเครื่องมือต่าง ๆ ฉันน่ากลัวที่ได้เห็นผู้คนใส่ชุดป้องกัน ใส่หน้ากากและถุงมือก่อนที่พวกเขาจะเข้ามาใกล้คุณ หลายวันต่อมาผลการรายงานแจ้งมาว่าเพื่อนร่วมทริป 2 คน มีผลตรวจโควิด 19 ออกมาเป็นบวก

มันทำให้ฉันตกอยู่ในสภาพที่ฉันไม่สามารถแน่ใจได้เลยว่า ตัวเองเป็นโควิด 19 หรือไม่ ฉันจึงยังต้องกักตัวและรักษาอาการของฉันต่อไป แล้วฉันก็ได้รับโทรศัพท์จากโรงพยาบาล

สองวันต่อมาฉันได้รับโทรศัพท์จากหมอของฉัน บอกฉันว่ากระทรวงสาธารณสุข ปฏิเสธผลตรวจของฉัน พวกเขาจะไม่อ่านผลตรวจของฉันเพราะขาดแคลนชุดทดสอบ และรถไฟเหาะก็ดิ่งลงไปในหุบเขาอีกลูกอย่างควบคุมไม่ได้ นี่ทำให้ฉันตกอยู่ในสภาพที่ฉันไม่อาจจะรู้แน่ชัดว่าตัวเองเป็นโควิด 19 หรือไม่ ฉันจึงยังต้องกักตัวและรักษาอาการของฉันต่อไป แล้วฉันก็ได้รับโทรศัพท์จากโรงพยาบาล ผลตรวจของฉันมันกลับมาเป็นลบ ฉันมีความสับสนและมีคำถามขึ้นมาในเวลาเดียวกัน ฉันไม่รู้ว่าฉันควรจะรู้สึกอย่างไรดี

ข่าวนั้นปกติแล้วน่าจะนำมาซึ่งความโล่งอกและความยินดี มันกลับพลิกผันและเปลี่ยนความรู้สึกของฉันอย่างกับรถไฟเหาะ แต่ว่าสองสัปดาห์ให้หลัง ฉันยังคงกักตัวอยู่และยังระแวงว่าตัวเองอาจจะมีเชื้อโควิด 19 แต่หนทางข้างหน้าก็ยังคงไม่ชัดเจน

ตอนนี้ฉันยังไม่ได้ติดเชื้อไวรัส มันจะแย่แค่ไหนกันนะ ถ้าสุดท้ายแล้วมันจบลงด้วยการที่ฉันติดเชื้อล่ะ? คนที่แพร่เชื้อให้ฉันเขารู้ตัวไหม? และเขากำลังแพร่กระจายเชื้อให้คนอื่นโดยไม่ตั้งใจหรือเปล่า? ประเทศของฉันจะต้องล็อคดาว์นไปอีกนานแค่ไหน? ชีวิตจะกลับมาปกติได้อีกครั้งหรือเปล่า?

คำถามสุดท้ายคือ รถไฟเหาะมันกำลังไต่ราววิ่งไปเรื่อย ๆ มันดูเหมือนกับจะสูงขึ้นและสูงขึ้นอีก และฉันไม่สามารถที่จะหาจุดสูงสุดของอะไรได้เลย ทุกสิ่งมันควรจะจบลงสักทีเพื่อฉันจะสามารถเห็นได้ว่าอะไรคือสิ่งที่รออยู่ข้างหน้า แต่ฉันก็ค้นพบว่านี่คือก็ความเป็นจริงสำคัญของทุกคนในตอนนี้เหมือน ๆ กัน

ไม่มีใครสามารถมองเห็นล่วงหน้าได้ว่าการระบาดครั้งนี้จะส่งผลต่อชีวิตของพวกเรามากแค่ไหน ในอีกหลายสัปดาห์ถัดไป หรืออีกหลายเดือน หรือต่อไปอีกหลายปี ฉันคิดว่าความจริงก็คือ เราไม่มีทางรู้เลย

ฉันคิดผิดว่าฉันจะสามารถควบคุมสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้ ฉันมักจะมองหาบางอย่างที่ปลอดภัย เพื่อจะยึดเอาไว้เป็นหลักประกันของความหวังของฉันที่มีต่อวันข้างหน้า แต่ความจริงก็คือ แม้ว่ารถไฟเหาะรางนี้จะจบลง ก็จะมีรถไฟเหาะรางอื่นที่จะเข้าในไม่ช้าหลังจากนี้

มันช่วยฉันได้มากจริง ๆ ที่รู้ว่าฉันไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวลำพัง เพื่อน ๆ ของฉันและครอบครัวคือแรงสนับสนุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เมื่อฉันแบ่งปันความสับสน ความกังวล และความกลัวเกี่ยวกับอนาคตของฉันให้พวกเขาฟัง ฉันไม่รู้ว่าฉันจะทำอย่างไร ถ้าไม่มีการปลอบโยนและความหวังที่พวกเขามอบให้ เเม้ในยามที่พวกเขาให้กำลังใจฉัน ให้ฉันชูมือขึ้นในอากาศและสนุกไปกับช่วงเวลาที่ต้องนั่งรถไฟเหาะนี้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างไรก็ตาม มันยิ่งเป็นกำลังใจที่พิเศษมากขึ้นไปยิ่ง เมื่อฉันมองไปที่ข้างตัวและพบว่าพวกเขาก็กำลังร่วมนั่งไปในรถไฟเหาะลำนี้ด้วยกันกับฉัน

เครดิตรูปภาพ Priscilla Du Preez

คุณไม่ได้เจอเรื่องนี้เพียงลำพัง คุยกับเพื่อนที่ปรึกษาได้ ทุกอย่างที่คุยกับเรานั้นเป็นความลับ

เมื่อพบว่าปัญหานี้เป็นเรื่องยากที่จะจัดการ ถ้าคุณกำลังคิดที่จะทำร้ายตัวเองหรือผู้อื่น โปรดอ่าน!

กรุณาใส่ข้อมูลในช่องด้านล่างเพื่อเราจะติดต่อคุณได้

ระบุเพศ:
ช่วงอายุ:

การระบุเพศและอายุนั้นช่วยให้ทีมงานจัดหาเพื่อนที่ปรึกษาที่เหมาะสมให้กับคุณได้ ข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้บริการ & นโยบายความเป็นส่วนตัว.