ความรู้สึกเคว้งคว้างอยู่ลึกๆข้างใน
ผมนธีเป็นพี่คนโตที่มีน้องอีกสามคนพวกเราอาศัยอยู่กับคุณยายตั้งแต่เด็กๆ เนื่องจากคุณพ่อทิ้งไปตั้งแต่ผมแบเบาะ ส่วนคุณแม่ติดยาเสพติดทำให้เกิดผลเสียกับสุขภาพทางจิตใจ สติฟั่นเฟือน และ คุณแม่มักจะพูดอยู่คนเดียวเป็นประจำ นั่นทำให้คุณแม่ไม่สามารถดูแลลูกๆได้
ผมจำได้เห็นว่าคุณแม่มีพฤติกรรมหยิบฉวยลักขโมย และคุณลุงที่ติดยาเสพติด ทุกอย่างส่งผลให้ผมเป็นคนที่อารมณ์รุนแรง ฉุนเฉียวง่าย และชอบมีนิสัยลักขโมยด้วย อีกทั้งในแวดวงสังคมหมู่บ้านที่ผมอยู่นั้นเต็มไปด้วยคนติดยาเสพติด การด่าทอ การใช้คำพูดที่ทำร้ายจิตใจ การใช้ความรุนแรงในครอบครัว เหมือนว่า เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป
หลังจากนั้นคุณแม่ประสบอุบัติเหตุและเสียชีวิต ...ผมจึงไม่มีทางเลือกมากนัก ครอบครัวมีแค่คุณป้าคนเดียวเท่านั้นที่คอยดูแลค่าใช้จ่าย ค่าอาหารทั้งหมด แต่คุณยายไล่คุณป้าออกจากบ้านเพราะความคิดไม่ตรงกัน มีผลทำให้ครอบครัวไม่มีศักยภาพในการสนับสนุนผมและน้องๆในเรื่องการศึกษาอย่างเต็มที่ มีเพียงพอแค่ค่าใช้จ่ายสำหรับปัจจัยสี่ ที่เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตเท่านั้น
ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ทุกอย่างดูสิ้นหวัง มืดแปดด้านไปหมด
แม้ว่าชีวิตของผมไม่ได้มีต้นทุนที่ดีมากนัก แต่ต้นทุนของผมคือ ก็คือเป็นคนที่มีความมานะและตั้งใจเรียนโดยที่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอนาคตจะไปในทางใดเพราะว่าดูสิ้นหวังมืดแปดด้านไปหมด
ในเวลานั้นผมได้เเต่คิดว่า ชีวิตที่ผมมีคุณยาย แค่นี้มันก็เพียงพอเเล้ว และการที่คุณแม่ของผมกลายเป้นคนที่สติฟั่นเฟือน ทำให้ผมรู้สึกว่า ชีวิต...มันน่าผิดหวัง ไม่ได้รู้สึกเหงา หรือ เศร้าอะไรมากมาย แต่มันกลับเป็นความรู้สึก “เคว้งคว้าง” ที่ซ่อนอยู่ในใจ ผมทำทุกอย่างที่เพื่อให้คนรอบข้างรู้สึกดีและยอมรับตัวผม แต่ความทรงจำและประสบการณ์ทำให้ผมเปิดใจให้กับคนอื่นได้ยาก ยากที่เปิดความคิด ความรู้สึก ให้คนอื่นรับรู้
จนกระทั่งวันหนึ่ง มีเพื่อนบ้านได้แวะมาเยี่ยมครอบครัวผม เขาเป็นชาวต่างชาติที่พูดภาษาอีสาน มาคุย กินข้าว และเป็นเพื่อนบ้านที่ดี มาคุยกับคุณยายทุกสัปดาห์เป็นเวลานานหลายปี นั่นทำให้ผมได้เห็นแบบอย่างที่และมุมมองของการใช้ชีวิตอีกแบบหนึ่ง
เมื่อผมได้ย้ายไปเรียนที่กรุงเทพอยู่กับคุณป้า และสังคมใหม่ที่ผมอยู่ พวกเขาแสดงออกความห่วงใยและความรักออกมาเป็นการกระทำ ทุกคนน่ารักและต้อนรับผมเหมือนเป็นคนในครอบครัว
มันกลายเป็นช่วงเวลาผมเปิดใจมากขึ้นเริ่มๆ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาจนถึงวันนี้ผมเปลี่ยนไปอย่างมาก ทั้งทัศนคติมุมมองชีวิต และความรู้สึกที่ผมมีต้องตัวเองและคนอื่นที่เปลี่ยนไป ในที่สุดผมได้เข้าใจและเลือก “ยกโทษและให้อภัย” คุณพ่อและคุณแม่
ณ จุดนี้ผมเข้าใจสิ่งเกิดขึ้นในชีวิตของผมมากขึ้น ใครก็ตามที่กำลังรู้สึกแบบเดียวกันกับผม ความรู้สึกผิดหวังกับสิ่งที่เกิดขึ้นในครอบครัวที่ไม่เป็นอย่างที่คิด ครอบครัวแตกแยก ความปวดร้าวในใจ และรู้สึกเคว้งคว้าง ผมอยากบอกว่า คุณไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ผมเข้าใจ ที่นี่เพื่อนที่ปรึกษาที่พร้อมจะรับฟังเรื่องราวพร้อมที่ช่วยเหลืออยู่เคียงข้าง เพราะไม่ใครที่ต้องเจอเรื่องนี้เพียงลำพัง ทักมานะครับ
คุณไม่ได้เจอเรื่องนี้เพียงลำพัง คุยกับเพื่อนที่ปรึกษาได้ ทุกอย่างที่คุยกับเรานั้นเป็นความลับ
เมื่อพบว่าปัญหานี้เป็นเรื่องยากที่จะจัดการ ถ้าคุณกำลังคิดที่จะทำร้ายตัวเองหรือผู้อื่น โปรดอ่าน!
กรุณาใส่ข้อมูลในช่องด้านล่างเพื่อเราจะติดต่อคุณได้